วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เปลี่ยนแหล่งตามข่าวบาสกันที่ hao123

หลายๆ คนน่าจะเคยผ่านตามากับเว็บไซต์ hao123 กันบ้าง ทั้งจากการบังเอิญแวะเข้าไป หรือจากการเปิดเว็บแล้วมันจะเด้งไปเว็บนี้เองก็ตาม ผมว่าหลายๆ คนต้องเคยเห็นหน้าตาของเว็บหัวเขียวๆ แบบนี้กันบ้างนะครับ



เว็บไซต์นี้ เมื่อลองแวะเข้าไปดู มันก็แทบจะเหมือนเว็บไดเร็กตอรี่ทั่วไปมากๆ ทั้งการแยกหมวดหมู่ของเว็บไซต์ไว้อย่างละเอียด และง่ายต่อการค้นหา แต่สิ่งที่เว็บนี้แตกต่างจากเว็บไดเร็กตอรี่อื่นๆ คือคุณภาพของลิ้งที่อยู่ในเว็บ ผมว่าเป็นลิ้งที่มีคุณภาพมากๆ เลยทีเดียว

ผมจะยกตัวอย่างที่ผมเข้าไปเล่นในส่วนของหน้ากีฬา ปกติข่าวกีฬานั้นเราหาได้ไม่ยากอยู่แล้วทั้งเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ดังต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์กีฬาหรือหนังสือพิมพ์ปกติในส่วนของกีฬา แต่คนที่บ้ากีฬาอย่างผมจะมีใครรู้บ้างหรือไม่ว่ามันมีบางอย่างที่ยังตอบสนองได้ไม่ครบทุกด้าน (คือความต้องการเยอะนั่นเอง)

กีฬาหลักๆ เช่นฟุตบอล ที่คนติดตามเยอะอยู่แล้วในประเทศไทย มันก็หาข่าวไม่ยากหรอกครับ เพราะมีคนเล่นอยู่แล้ว เยอะด้วย ที่นี่ก็เช่นกัน มีลิ้งแฟนคลับทีมฟุตบอลนั้นก็มีเยอะทีเดียว ทั้งรายงานสด ทั้งเว็บแฟนคลับ ทั้งเว็บรวมๆ ข่าวทั่วๆ ไป ครบถ้วนสมบูรณ์เลยทีเดียว เรียกว่าเข้าเว็บ hao123 เว็บเดียว เหมือนได้เข้าไปเล่นได้ทุกเว็บในประเทศไทยเลยทีเดียว

และพวกเทนนิส กอล์ฟ ที่มีคนติดตามอยู่พอสมควร เว็บนี้ก็มีทั้งลิ้งรายงานสด รายงานข่าว เยอะมากๆ ก็ถูกในผมพอสมควร



แต่สิ่งที่ถูกในผมมากๆ คือมีบาสเก็ตบอล หลังๆ เนี่ยผมหันมาติดตามบาสเก็ตบอล NBA แบบบ้าคลั่ง แต่ในเว็บข่าวภาษาไทยผมก็ยังหาไม่ได้เท่าไหร่ เพราะความสนใจยังไม่มากนั่นเอง ทำให้สำนักข่าวหลายๆ สำนักข่าวก็ไม่ค่อยมีรายงาน จะรายงานก็นานๆจะมาซักข่าว แถมบางที่รายงานข่าวจริงก็ลงข้อมูลผิดๆ มันขัดใจคอบาสหน้าใหม่อย่างผมมาก

แต่เว็บ hao123 เค้าได้รวมรวมเว็บข่าวบาสเก็ตบอลคุณภาพไว้ให้หมดแล้ว เข้าเว็บเดียวก็มีลิ้งไปได้ทุกสิ่งที่ต้องการเลย เรียกว่าถูกใจพอสมควรเลย บางเว็บผมอาจจะเคยเห็นมาบ้าง แต่หลายๆ ลิ้งในนี้ผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ทั้งรายงานสด ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของทีมต่างๆ อย่างครบถ้วน เรียกว่าถูกใจทีเดียว



นอกจากบาสเก็ตบอลแล้ว ยังมีกีฬาอื่นๆ ที่มีแฟนกีฬาอยู่ในเมืองไทยพอสมควร แต่ข่าวคราวหายากเหลือเกิน อย่างอเมริกัน NFL , ฮอกกี้ หรือแม้กระทั่งคริกเก็ต ไม่เท่านั้น เว็บ hao123 ยังรวบรวมให้แม้กระทั่งกีฬาตกปลา ถือว่าเว็บเดียวครบจริงๆ

ลองไปดูครับ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ว่างทำบล็อกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ที่เว็บนั้นมีข่าวคราวกีฬาอื่นอยูีอีกเพียบเลย

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

ชาล็อต บ็อบแคท vs ชิคาโก้ บูลส์ พรีวิว

ที่มา : http://bleacherreport.com/
เขียนโดย : Dan Favale
แปลโดย : Tiger Sky


การพบกันทั้งสองทีมนี้ เป็นการพบกันระหว่างทีมที่มีเป้าหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง

บูลส์ชนะมา 6 จาก 8 เกมล่าสุด และตอนนี้ก็ขึ้นไปอยู่อันดับสามของสายตะวันออกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีเดอริก โรส ก็ตาม

แม้การเริ่มต้นอันสุดยอด แต่ให้ลืมฟอร์มแบบนั้นไปซะ เพราะใน 10 เกมหลังพวกเขาแพ้ไปถึง 8 เกม โดยทำสถิติ 4-17 หลังจากที่ทำสถิติ 7-5

แต่...แต่...แต่ ชิคาโก้ ก็ดันเพิ่งไปพ่ายแพ้ให้กับทีมจอมล้มยักอย่างวอชิงตัน วิซาร์ด ทำให้ชาล็อตก็มีความหวังเหมือนกันในนัดนี้ เพราะบูลส์มีฟอร์มที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อได้เล่นเกมในบ้าน

ต้องมาดูกันว่าเกมนี้บ็อบแคทจะสามารถชนะบูลส์เป็นเกมที่สองในฤดูกาลนี้ได้หรือไม่ หรือจะเป็นบูลส์ที่ฟอร์มปกติทำได้ดีกว่าจะเก็บชัยชนะไปในเกมนี้

เวลา : 29 มกราคม 2556 เวลา 8.00 น.
ถ่ายทอดสด : ให้เข้า google แล้วเซิร์ชคำว่า NBA stream
สถิติ : ชาร์ล็อต บ็อบแคท (11-32) vs ชิคาโก้ บูลส์ (26-17)
ผู้เล่นบาดเจ็บ : บ็อบแคท...ไบรอน มูลเล็น, บูลส์...ลูอัล แดง, เดอริก โรส

เรื่องที่น่าติดตาม


ในฤดูกาลนี้บูลส์ถือว่าแสดงผลงานได้เยี่ยมยอดมาก ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีโรสก็ตาม ไม่เพียงแต่เขาจะมีสถิติที่ดีกว่า 0.500 เท่านั้น แต่พวกเขายังมีอันดับ 3 ในกลุ่มสายตะวันออกอีกด้วย

สถิติหนึ่งที่น่าตกใจคือ ชิคาโก้ บูลส์มีสถิติในบ้านเพียง 14-11 แต่สถิติเกมเยือนนั้นสุดยอดมากที่ 12-6 ถึงแม้ว่าสถิติจะเกิน 0.500 แต่พวกเขาก็ดันไปแพ้แบบน่าเขกกะโหลกต่อฟินิก ซัน แถมยังเพิ่งแพ้ต่อบ็อบแคท เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

เกมในต้องถือว่าห่างไกลจากความน่ากลัวมาก และเมื่อดูสถิติทั้งหมดแล้ว สถิติเกมในบ้านของเขาอยู่ถึงอันดับ 19 ซึ่งถือว่าห่างไกลจากพื้นที่เพลย์ออฟมาก

แต่เมื่อดูสถิติของบ็อบแคทแล้ว เกมเยือนของเขานั้นไม่ดีเอามากๆ เมื่อมีสถิติอยู่ที่เพียง 5-14

ตัวต่อตัว : ไมเคิล คิด-กิลริช, SF, บ็อบแคท vs จิมมี่ บัตเลอร์, SF, บูลส์


เมื่อต้องไม่มี ลูอัล แดง ที่ต้องพลาดไปแล้ว 5 เกม ทำให้การดวลกันระหว่างสอมลล์ฟอร์เวิร์ดของทั้งสองทีมน่าดูมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงแต่การทำแต้ม 17.4 ต่อเกมเท่านั้น แต่เกมรับยังถือว่าอยู่ขั้นสุดยอด และยังสามารถกดให้ผู้เล่นที่โดนเขาประกบมีแต้มเฉลี่ยเพียง 11 แต้มตลอด 48 นาที

สำหรับแดงแล้ว เขาทำให้คู่ต่อสู้ต้องปวดหัวทีเดียว ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถทำแต้มได้ทุกส่วนของสนามแล้ว แต่การเคลื่อนที่ของเขาในตอนที่ไม่มีบอลก็สุดยอดอีกด้วย และยังเป็นเซียนในการหนีตัวประกบเพื่อทำแต้ม

หมายความว่า จิมมี่ บัตเลอร์ต้องวัดรอยเท้าที่มหึมาทีเดียวเมื่อต้องเทียบกับแดง ซึ่งเขาก็ทำได้ดีอย่างน่าชื่นชม


ตลอด 5 เกมที่ผ่านมา บัตเลอร์ทำแต้มเกิน 16 แต้มไปถึง 3 เกม ซึ่งทำให้คนที่ต้องตามประกบเขาต้องปวดหัวอย่างมากเลยทีเดียว

หมายความว่า

ไมเคิล คิด-กิลชริช ต้องปวดหัวไม่แพ้กันถึงแม้ว่าจะไม่มีแดง

ในฤดูกาลแรดของคิด-กิล์ชริชนั้นถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นเกมรับที่ดีที่สุด

เขาทำให้คู่แข่งทำแต้มได้เพียง 13.3 แต้ม โดยมีบล็อกเฉลี่ยต่อเกม 1 ครั้ง


คิด-กิล์ชริชมักจะเสียฟาวบ่อยๆ และเขามักจะทำทุกวิถีทางเมื่อต้องเสียเหลี่ยมให้กับการโดนฉีกหนีตัวประกบ บัตเลอร์ไม่ได้อเนกประสงค์เท่าแดง แต่สภาพร่างกายของเขา จะสร้างปัญหาให้กับคิด-กิล์ชริชได้มากทีเดียว

คิด-กิลริชยังชูตได้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้เขามีข้อจำกัดในเกมบุกพอสมควร และตอนนี้เขากับลังเรียนรู้ในการเล่นแบบกดดันสูงอยู่

ตัวตัดสินเกม : เบ็น กอร์ดอน, SG, บ็อบแคท


ด้วยเกมรับของบูลส์ที่มีสถิติเสีย 91.1 แต้มต่อเกม แต่บ็อบแคทก็มีเกมบุกที่ไม่ดีนัก ดังนั้นต้องหวังพึ่งตัวละครลับอย่างกอร์ดอนเนี่ยแหละ

แม้ว่าจีรัล แฮนเดอสันและเค็มบ้า วอล์คเกอร์จะเป็นตัวทำแต้มหลัก แต่กอร์ดอนนั้นก็เป็นตัวละครสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้เช่นกัน

จากสถิติ บ็อบแคทถือว่ามีผู้เล่นตัวสำรองทำแต้มได้มากที่สุดเป็นอันดับสองในลีกที่ 41 แต้ม เป็นหนึ่งสิ่งที่บ็อบแคทอยู่เหนือชิคาโก้ บูลส์ ที่มีแต้มจากตัวสำรองเพียง 27.9 แต้มและอยู่ในอันดับที่ 24

ทีมบูลส์นั้นรู้พิษสงของตัวกอร์ดอนดี ถึงแม้ว่าเขาจะมีสถิติการทำแต้มที่ธรรมดา 13.2 แต้ม แต่เขาก็ทำแต้มได้มากกว่า 18 แต้มไป 5 ครั้งแล้วในเดือนนี้

แต่ด้วยสถิติแล้ว บูลส์เป็นทีมที่มีเกมรับที่เหนียวแน่น แต่บ็อบแคทก็ยังสามารถคว้าชัยชนะเหนือบูลส์ได้ที่วินดี้ ซิตี้ ซึ่งการที่เขาจะทำอย่างนั้นได้อีกครั้งก็คงต้องพึ่งตัวสำรองให้ลงมาพลิกเกมให้ได้

เนต โรบินสัน, PG, บูลส์


เนต โรบินสัน ผู้ที่ไม่ค่อยจะได้รับเครดิตเท่าที่ควร

เขาเป็นสารกระตุ้นสำหรับทีม ในยามที่ทีมทำแต้มได้น้อย ก็จะมีเขาคนนี้แหละที่เป็นฮีโร่ขึ้นมาอยู่เสมอ บูลส์ทำแต้มเฉลี่ยที่ 93.3 เป็นอันดับที่ 26 และโรบินสันทำแต้มเฉลี่ย 11.1 แต้ม โดยที่ลงเล่นไปเพียง 21 นาทีต่อเกม

กับการมาพบกับบ็อบแคท ที่เสียแต้มเฉลี่ย 103.2 ต่อเกมเป็นอันดับที่ 28 ในลีก ชิคาโก้จำเป็นต้องมีคนทำแต้มให้มากๆ ซึ่งบูลส์ทำแต้มได้เพียง 81 แต้มในการพบกันครั้งแรกของทั้งสองทีม ซึ่งเขาต้องทำให้ได้ดีกว่านั้นมากๆ ถ้าต้องการชัยชนะในนัดนี้

กับการเล่นของโรบินสันทำให้รู้ว่า พ้อยการ์ดไม่ได้มีแค่เป็นตัวทำเกม แต่การทำได้ขั้นต่ำ 19 แต้มในสองเกมที่ผ่านมา ทำให้ต้องมาลุ้นว่าเกมนี้เขาจะระเบิดฟอร์มได้หรือเปล่ากับการต้องเจอเกมรับที่เสียเฉลี่ยเกิน 100 แต้มต่อนัด

และการที่จะทำให้บูลส์ชนะในนัดนี้ได้นั้น จำเป็นต้องให้โรบินสันระเบิดฟอร์มอีกครั้ง เพื่อเป็นสารกระตุ้นให้บูลส์กลับมาเข้าฟอร์มในนัดนี้

ชาร์ตผู้เล่น
บ็อบแคท


บูลส์

คำทำนาย

ชิคาโก้ บูลส์นั้นถือว่าเครื่องร้อนช้าทีเดียวสำหรับเกมในบ้าน เมื่อเพิ่งชนะไป 3 เกมรวด โดยหนึ่งในนั้นเป็นการชนะแอลเอ เลกเกอร์ และ โกลเด็นสเตด วอริเกอร์

หลังจากที่เคยพ่ายแพ้ต่อบ็อบแคทไปแล้วในปีนี้ หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก พวกเขาเป็นทีมที่เล่นด้วยเกมรับ แต่ก็มีปัญหาอย่างมากเมื่อต้องเจอเกมบุกของวอริเออร์ และเกมนี้เขาต้องมาเจอกับทีมที่มีเกมรับอันดับที่ 28 ต้องดูว่ามันเป็นไง

ประเด็นหลักอยู่ที่ เกมบุคของบูลส์ต้องหาทางเจอะเกมรับของบ็อบแคทให้ได้ (ดูเป็นวาระแห่งชาติมาก ทั้งที่ไม่น่าจะลำบากขนาดนั้น) แต่เกมแรกบูลส์นั้นก็ทำได้เพียง 81 แต้ม ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ

บ็อบแคทเป็นหนึ่งในเจ็ดทีมที่เสียแต้มเฉลี่ยเกิน 100 แต้ม ซึ่งกับเกมรุกของบูลส์ก็มักจะทำแต้มไม่ถึง 90 แต้มได้อยู่บ่อยๆ

ด้วยเกมรุกบ็อบแคทที่ไม่ใช่ขี้ๆ เพราะเขามีตัวทำแต้มดีๆ ทั้งวอลฺคเกอร์, เฮ็นเดอสันและกอร์ดอน ซึ่งถ้าเกมรับบูลส์ไม่สามารถจัดการได้ เขาอาจจะถูกลงโทษเหมือนในเกมแรก

แต่สุดท้ายแล้ว บูลส์จะต้องทำเกมรุกให้แข็งแกร่งมากๆ เมื่อไม่มีแดง ซึ่งทั้งโรบินสัน, บัตเลอร์, โนอาร์และบูเซอร์จำเป็นจะต้องช่วยกัน และต้องทำให้ดีกับเกมที่เจอกับวิซาร์ดในเกมที่ผ่านมา

จากการพ่ายแพ้ต่อบ็อบแคทในเกมที่เจอกัน ทำให้ชิคาโก้ บูลส์จำเป็นต้องสร้างแรงบันดาลใจจากสิ่งนี้ และต้องไม่ผิดพลาดเหมือนเกมนั้นอีก และบูลส์ยังมีออฟชั่นเสริมในการโกงความตาย ซึ่งดูได้จากเกมที่ชนะดีทร้อย พิสตันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

แม้ว่าจะไม่มีแดงในเกมนี้ แต่บูลส์ก็มีโอกาสที่จะเก็บชัยชนะได้มากกว่าบ็อบแคท และน่าจะไม่น่าจะเป็นเรื่องเกินเลยไปนักถ้าจะบอกว่า บูลส์จะชนะบ็อบแคทไปอย่างสบายในเกมที้ที่สกอร์

บูลส์ 94 บ็อบแคท 85

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

พรีวิวเกม ชิคาโก้ บูลส์ vs บอสตัน เซลติก

ที่มา : http://bleacherreport.com/
เขียนโดย : Josh Benjamin
แปลโดย : Tiger Sky


หลังจากที่ต้องพ่ายแพ้ต่อนิวออลีน ฮอร์เน็ตเมื่อวันที่ 16 มกราคม ซึ่งถือว่าเป็นเกมที่ช็อควงการพอสมควร แถมยังต้องมาเจอกับชิคาโก้ บูลส์ในนัดนี้ ต้องมาลุ้นว่า ใครจะเป็นคนที่เก็บชัยชนะในการเจอกันในฤดูกาลนี้เป็น 2-1 ได้ก่อนกัน

ฟอร์มล่าสุดของทั้งสองทีมร้อนแรงมาก เมื่อเซลติกสามารถเก็บชัยชนะได้ 6 จาก 7 นัดหลังสุด จากการที่พวกเขาหันมาขันเกมรับให้แน่นหนามากขึ้น ซึ่งต่อจากนี้คงเห็นเซลติกเล่นในสไตล์นี้ไปจนจบฤดูกาล ส่วนทางด้านบูลส์ก็ทำได้ดีเกินคาดมากๆ เมื่อพวกเขายังโชว์ฟอร์มได้อย่างคงเส้นคงวา ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีเดอริก โรส กลับมาจากอาการบาดเจ็บ

ข้อมูลที่น่าสนใจในนัดนี้คือ จะเป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งของโค้ชสองคนคือด็อก ริเวอร์และทอม ทิโบดู โดยฤดูกาลนี้พบกันไปสองครั้ง และเจอกันมาหลายครั้งแล้วตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งทิโบดูเคยเป็นผู้ช่วยโค้ชของริเวอร์ที่บอสตันอยู่สามปีเต็มๆ จนตอนนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสุดยอดโค้ชไปแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ทั้งสองทีมมีสไตล์การเล่นที่คล้ายๆ กัน และแต้มอาจจะไม่มากในนัดนี้

เวลาไทย :           วันเสาร์ที่ 19 มกราคม 2556 เวลา 7.00 น.
ลิ้งถ่ายทอดสด :  http://nbaliveonline.tv/streaming/
สถิติ :                    ชิคาโก้ บูลส์ 22-15, บอสตัน เซลติก 20-18
ผู้เล่นบาดเจ็บ :    เซลติก - เอเวอรี่ เบรดลีย์ (รอดูอาการ)
                              บูลส์ - เดอริก โรส(ยังไม่มีกำหนด), ลูอัล แดง(รอดูอาการ)

มาติดตามกันว่า เซลติกจะหยุดความร้อนแรงของบูลส์ได้หรือไม่




เซลติกและบูลส์เป็นสองทีมที่มีสไตล์คล้ายกันมาก แต่ทีมชิคาโก้นั้นถือว่าเป็นทีมที่เด็ก สดใหม่กว่ามาก ซึ่งจะทำให้ได้เปรียบมากในเกมนี้ มันแสดงให้เห็นแล้วในตอนที่บอสตันต้องไปเยือนชิคาโก้ที่ยูไนเต็ด เซ็นเตอร์เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา

จากการทำ 26 แต้มกัย 8 แอสซิสของราจอน รอนโด้ ไม่สามารถช่วยให้เซลติกรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ไปได้ 100-89 ซึ่งคนที่โชว์ฟอร์มได้ดีของทางฝั่งบูลส์เป็นคาลอส บูเซอร์ที่ทำไป 21 แต้มกับ 12 รีบาว บวกกับฟอร์มอันร้อนแรงของลูอัล แดง ที่ทำไป 21 แต้ม พร้อมกับการทำดับเบิ้ล-ดับเบิ้ลของโจอาคิม โนอาร์

อย่างไรก็ตามในนัดนี้ เซลติกอาจจะได้สุดยอดผู้เล่นที่จะสามารถเล่นแบบมแนทูแมนได้ดีอย่างเอเวอรี่ แบรดลีย์เพื่อมาใช้ผลับเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงในนัดนี้ ซึ่งริเวอร์ก็หวังว่า เขาจะเข้ามาป่วนแนวรับอันดับสามในลีกของชิคาโก้ บูลส์ได้บ้างในนัดนี้

เช่นเดียวกับทางชิคาโก้ บูลส์ ที่จำเป็นต้องงัดฟอร์มสุดยอดเพื่อมารับมือกับเซลติก ซึ่งเป็นทีมเดียวกันกับที่แพ้ไปเพียง 1 เกม เกือบที่จะได้เข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศเอ็นบีเออยู่แล้ว เกมในนัดนี้จึงมีสิทธิออกได้ทั้งสองหน้า

ในขณะที่บูลส์ก็เก็บชัยชนะได้อย่างสม่ำเสมอแม้จะยังไม่มีเดอริก โรส ทำให้บอสตันต้องพยายามอย่างมากในการรับมือบูลส์ในนัดนี้

ตัวต่อตัว : โจอาคิม โนอาร์ vs เควิน การ์เน็ต



เกมนี้จะเป็นการต่อสู้กันในเกมรับ เป็นการดวลกันระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ ซึ่งในฤดูกาลนี้ ฟอร์มของโจอาคิม โนอาร์ก็สุดยอดมากๆ เป็นคนนำทีมในตอนที่โรสยังไม่สามารถกลับมาลงเล่นได้



โนอาร์ทำได้ 12.4 แต้ม 10.7 รีบาวและ 2 บล็อกต่อเกม เขาไม่เคยพ่ายแพ้ในการดวลในเกมการเล่น และเขาก็มีโอกาสมากทีเดียวที่จะคว้าตำแหน่งผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปี เขาเล่นได้สุดยอด และฟิตมากๆ ในปีนี้ หลังจากที่เคยบาดเจ็บหนักๆ มาสองครั้งในสามฤดูกาลที่ผ่านมา

ซึ่งเกมรับจะนำพาชัยชนะมาให้ได้ในนัดนี้ และเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นเกมรับดีที่สุดอย่างเควิน การ์เน็ตในวัย 36 ปี ผู้เล่นที่แข็งแกร่ง และสามารถจะช่วยให้เซลติกวิ่งฝ่าความกดดันไปได้


ในฤดูกาลนี้การ์เน็ตทำไป 14.6 แต้มและ 7 รีบาวต่อเกม และยังสามารถมีเปอร์เซ็นการชูตสูงถึง 51% แม้ว่าเขาจะเด่นเรื่องการเล่นวงใน แต่เขายังมีออฟชั่นเสริมในการชูตระยะกลางได้ดีมากอีกด้วย

เขาจำเป็นต้องงัดฟอร์มสุดยอดมาให้ได้กับการต้องมาเจอสุดยอดเซ็นเตอร์วัย 27 อย่างโนอาร์ในนัดนี้ และจากการที่บอสตันไม่สามารถเก็บรีบาวได้ มันอาจจะทำให้พวกเขาต้องพ่ายแพ้ได้เลย แต่ด้วยตัวการ์เน็ตเองเขาก็มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายในตัวเอง เขาเป็นผู้เล่นที่สามารถจะเล่นได้ดีตลอดทั้งเกม และไม่กลัวในการเผชิญหน้ากับใครทั้งสิ้น

เขาเป็นผู้มีประสบการณ์เหนือกว่าโนอาร์อย่างมาก แต่เขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีมด้วย และถ้าทุกอย่างประจวบเหมาะ เขาก็อาจจะสามารถเอาชนะการดวลกับโนอาร์ได้เหมือนกัน

ตัวแปรสำคัญ : คาร์ลอส บูเซอร์



คาร์ลอส บูเซอร์ มีฟอร์มที่น่าผิดหวัง หลังตากที่ถูกเซ็นมาด้วยสัญญามูลค่าสูงมากในปี 2010 ซึ่งในฤดูกาลนี้ช่วงแรกๆ ก็เป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้เขาเข้าใกล้ฟอร์มที่จะเป็นเครื่องจักรทำดับเบิ้ล-ดับเบิ้ลให้กับบูลส์ได้อีกครั้งหลังจากที่ต้องจากยูท่า แจ๊สมา ในปีนี้เขาทำแต้มเฉลี่ย 16.1 และ 9.7 รีบาวต่อเกม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เลวเลย แต่สถิติสี่ปีหลังที่อยู่ยูท่าของเขาคือ 19.9 แต้มและ 11 รีบ่าวน่ะซิ

อย่างไรก็ตาม บูเซอร์เหมือนกลายเป็นคนละคนตลอดห้าเกมหลังสุด เมื่อเขาทำไป 22 แต้มและ 10.4 รีบาวต่อเกม และมีเปอร์เซ็นต์การชูตอยู่ที่ 53%


ในการรับมือกับบอสตันในเกมนี้ เขาจะต้องดวลกับเบรนดอน เบสโดยตรง เขาสูงกว่าเบสเพียงหนึ่งนิ้ว แต่เขาหนักกว่าถึง 16 ปอน

ยังดีที่ เบสนั้นมักจะทำได้ดีเมื่อต้องเจอผู้เล่นแบบโลว์โพสอย่างบูเซอร์ แต่บูเซอร์ก็สามารถเอาชนะผู้เล่นแบบเบสมาได้ตลอดเช่นกันในช่วงหลังๆ ที่เขามีฟอร์มที่ร้อนแรง เขาใช้วิธีเลี้ยงตัดเข้าในเพื่อหลอกเอาฟาว หรือการใช้วิธีกระโดดหลอก และใช้ความแข็งแกร่งทางร่างกายเข้าสู้

เขาต้องงัดฟอร์มที่สุดยอดมาให้ได้อีกครั้งในนัดนี้ เขาต้องกล้าเข้าไปแย่งรีบาว และไม่กลัวที่จะต้องทำเกมรุกเข้าใส่เซลติก

ซึ่งด้วยความสามารถอันเหลือล้นของเขา จะทำให้เขาสามารถเอาชนะการดวลในเกมการแข่งขันครั้งนี้ไปได้อีกครั้ง

ชาร์ตความลึกของตัวผู้เล่น

บูลส์


เซลติก

ทัศนะในเกมนี้

เซลติกมีข้อได้เปรียบสองสามอย่างในเกมนี้ คือ เขาอยู่ในโมเมนตั้มที่ดีเมื่อเก็บชัยชนะได้มาอย่างต่อเนื่อง, มีข้อได้เปรียบเมื่อเล่นในบ้าน และประสบการณ์โดยรวมยังมากกว่าชิคาโก้ บูลส์

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถบอกได้ว่าเขาจะชนะเกมนี้ ทีมบูลส์ยังเด็กกว่า, มีความซ่าและบ้าบิ่นกว่า ด้วยเกมรับอันสุดยอดมันทำให้เขามีสถิติเกมเยือนที่ดีมาก 11-5 ซึ่งการมาเล่นยังถิ่นเซลติกมันไม่อาจทำให้ผู้เล่นบูลส์มีความกังวลแต่อย่างใด

ในเกมนี้ ถ้าทีมเซลติกไม่ฝ่อไปซะก่อน เราคงได้เห็นพอล เพียชเล่นทำคะแนนเป็นพระเอก, ราจอน รอนโด้ก็จะสร้างความตื่นตะลึกด้วยการเล่นอันน่าติดตาม และการดวลกันอย่างสุดมันระหว่างโจอาคิม โนอาร์กับเควิน การ์เน็ต ทั้งหมดนี้จะไล่ล่าการทำดับเบิ้ล-ดับเบิ้ล และเล่นเกมรับได้อย่างสุดยอดตั้งแต่ต้นจนจบเกม

สิ่งที่จะมาจัดการเซลติกในนัดนี้ได้ ก็ต้องมาพึ่งพิงฟอร์มการเล่นของคาร์ลอส บูเซอร์ ที่ช่วงหลังๆ เล่นได้อย่างเทพ แม้ว่าจะอายุ 31 ปีแล้ว แต่เขาจะพิสูจน์ในนัดนี้ว่าอายุมันก็เป็นเพียงตัวเลข และจะสร้างความตื่นตะลึงให้กับฝั่งตรงข้าม โลดแล่นในสนามได้อย่างสวยงาม

ทั้งหมดทั้งมวล ในเกมนี้จะเป็นเกมที่สูสี และในควอเตอร์สุดท้าย ด้วยเกมรับอันสุดยอดของบูลส์ จะช่วยให้ลูกศิษย์ทอม ทิโบดู คงจะต้องล้างครูอย่างด็อก ริเวอร์ ได้อีกครั้งในเกมนี้

ขอทำนายว่า นัดนี้เซลติกคงจะต้องพ่ายแพ้เป็นเกมที่สองติดต่อกัน ให้กับฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงของชิคาโก้ บูลส์

สกอร์ที่คาด 

ชิคาโก้ บูลส์ 98 
บอสตัน เซลติก 92

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

สกูปพิเศษ : เลบรอน เจมส์ ชายผู้ทำ 20,000 แต้ม ด้วยอายุที่น้อยที่สุด

ที่มา : http://bleacherreport.com
เขียนโดย : Zach Buckley
แปลโดย : Tiger Sky



เลบรอน เจมส์ ได้ลงเล่นในเกมวันพุธที่ผ่านมาที่ต้องพบกับโกลเดนสเตต วอริเออร์ และต้องการอีกเพียง 18 แต้มเพื่อที่จะทำสถิติ 20,000 แต้มในเอ็นบีเอ

เปิดเกมมาเขาก็ทำไปแล้วถึง 13 แต้มแค่เพียง 12 นาทีในควอเตอร์แรก หนึ่งในนั้นเป็นลูกดั้งที่สุดสวยจากการแอสซิสระยะไกลจากดเวน เวด

แต่ช่วงเวลาสำคัญอยู่ในตอนที่เหลืออีก 2.46 นาทีในควอเตอร์ที่สอง ที่เขากระโดดจั้มชูตบริเวณจุดโทษ


ด้วยอายุ 28 ปีกับอีก 17 วัน เขาทำลายสถิติของโคบี้ ไบรอันลงอย่างราบคาบ (29 ปี 122 วัน) และข้างล่างก็เป็นคะแนนของเขาที่ทำได้โดยเปรียบเทียบตามอายุกับ 5 อันดับของผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุด



ซึ่งดูจากกราฟ เจมก็พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้ท้าทายตำแหน่งผู้เล่นที่ดีที่สุด ตลอดกาลของเอ็นบีเอ

จากสิบสองเดือนที่ผ่านมา ทำให้เจมส์ได้รับเลือกเป็นผู้เล่นเอ็มวีพี แถมกับตำแหน่งแชมเปี้ยน พร้อมกับผู้เล่นเอ็มวีพีในนัดชิงชนะเลิศ แถมการเป็นผู้เล่นอเมริกาคนแรกที่ทำทริปเปิ้ล ดับเบิ้ลในโอลิมปิก พร้อมทั้งคว้าเหรียญทองเหรียญที่สองในโอลิมปิกให้กับตัวเอง

ด้วยฟอร์มกระฉูดขนาดนี้ ทำให้เป็นที่สงสัยว่า แล้วสถิติมันจะไปหยุดอยู่ที่เท่าไหร่

อีธาน เชอร์วูดและวิลล์ วิฟวิงเบิร์ก ผู้สื่อข่าวของบลีเชอร์ รีพอร์ตได้ถกเพียงกันในประเด็นนี้ว่า เขาจะสามารถโค่นสถิติอันแสนยาวนาน กับการทำ 38,387 แต้มของคารีม อับดุล จาบา ได้หรือไม่

มันมีความเป็นไปได้ ในตอนแรก เขาทำให้แมวมองของแต่ละทีมต้องน้ำลายไหล เมื่อตอนที่เขากำลังจะจบการศึกษาไฮสคูลที่โอไฮโอ้เมื่อทศวรรษที่ผ่านมา เขาถูกขนานนามว่า "คิงเจมส์" ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในลีกอันแข็งแหร่งอย่างเอ็นบีเอ และเขาก็แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาถึงถูกขนานนามว่าอย่างนั้น

ด้วยวัยเพียง 18 ปี เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกดร้าฟในรอบแรก

และแค่เพียงเกมแรกในเอ็นบีเอ เขาก็จัดการทำไปถึง 25 แต้ม 9 แอสซิส 6 รีบาวและ 4 สตีล

และในเกมที่ 49 นั้นเอง เจมส์ก็จัดการกระซวกนิวเจอซีย์ เน็ตไป 41 แต้มกับ 13 แอสซิส และมันทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแต้มเกิน 40 แต้มในเกมเดียว



ทำให้คาวาเลียในปีนั้นทำผลงานได้มหัศจรรย์มาก ด้วยสองมือของเขา

ด้วยผลงานอันสุดยอด (เฉลี่ย 20.9 แต้ม 5.9 แอสซิสและ 5.5 รีบาว) ทำให้เจมกลายเป็นผู้เล่นรูกกี้ยอดเยี่ยมของเอ็นบีเอในปี 2003-04 ด้วยวัยเพียง 19 ปี นั่นทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดอีกเช่นกันที่ได้รับตำแหน่งนี้

เขาทำสถิติทาบกับออสก้า โรเบิร์ตสันและไมเคิล จอแดน ที่เป็นรูกกี้เพียงไม่กี่คนที่สามารถทำแต้มเฉลี่ยเกิน 20 แต้ม 5 แอสซิสและ 5 รีบาว

ด้วยศักยภาพขนาดนี้ ทำให้เจมทำลายสถิติมากมายในฐานะรูกกี้ที่ยังไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน

และการทำ 27 แต้ม 11 รีบาวกับ 10 แอสซิสในเกมที่พบกับปอร์ตแลนด์ เทรลเบเซอร์ ในวันที่ 19 มกราคม ปี 2005 ทำให้เขาสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถทำทริปเปิ้ล-ดับเบิ้ลได้ และเมื่อจบฤดูกาล 2004-05 เขาก็ได้เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปสู่ทีม All-NBA honor(ทีมที่สอง)

ยังไม่หมด ในปีต่อมา 2005-06 เขายังไล่ล่าสถิติต่อไปอีกเรื่อยๆ

ระหว่างช่วงฤดูกาลปกติ เจมส์ก็ได้เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกเข้าไปสู่ทีมเพื่อเข้าร่วมลงแข่งในออลสตาร์เกม และอายุน้อยที่สุดที่ทำแต้มเฉลี่ยเกิน 30 แต้ม (31.4 แต้ม) และเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เล่น All-NBA first team

และเมื่อจบฤดูกาลปกติ เขาก็ยังกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถทำทริปเปิ้ล ดับเบิ้ลได้ในรอบเพลย์ออฟที่พบกับ วอชิงตัว วิซาร์ด ด้วยสถิติ 32 แต้ม 11 รีบาว 11 แอสซิสเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2006

และเจมส์ก็ยังไล่เก็บสถิติผู้เล่นที่ทำแต้มได้เร็วที่สุดเรื่อยมาตั้งแต่ 1,000 แต้มจนถึงตอนนี้ 20,000 แต้มเข้าให้แล้ว

และ 10,000 แต้มที่เร็วที่สุดของเขาก็เกิดขึ้นในเกมที่พบกับบอสตัน เซลติกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ โดยวันนั้นเขาทำไป 26 แต้ม


สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมาจากการที่เขาเล่นภายใต้ความกดดันได้อย่างดี ตายยาก ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ทำให้เขากลายเป็น "SCORER" (ขอไม่แปล มันตรงตัว)

แต่เอ็นบีเอก็มักจะมีคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อเพื่อมาหยุดยั้งความร้อนแรง หลังจากที่ยุค '80 ก็มีคู่ของแลรี่ เบิร์ดกับเมจิก จอห์นสัน และในยุคนี้คนที่จะมาต่อกรกับเจมก็เป็นใครไม่ได้ เขาคนนั้นคือ เควิน ดูแร้น

และในยกแรก ทีมของเจมก็จัดการสอนเชิงมวยให้กับ OKC ของดูแร้นในรอบชิงแชมป์เอ็นบีเอ ด้วยชัยชนะเพียง 5 เกมเท่านั้น

ในขณะที่ดูแร้นก็ต้องควานหาตำแหน่งแชมป์เอ็นบีเอต่อไป ซึ่งเวดก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า แชมป์ครั้งนี้ต้องขอบคุณการทำแต้มของคิงเจมส์อย่างมาก เหมือนกับเมื่อเกมในคืนวันพุธที่ผ่านมา

ซึ่งแต้มที่ 11,000 ของเขาก็มาก่อนที่เขาจะอายุ 25 เสียอีก ซึ่งดูแร้นก็มีโอกาสทำสถิติอย่างนั้นได้ แต่คงจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขานักในเวลานี้ การทำแต้มนั้นเป็นคุณสมบัติของคิง แต่เขานั้นก็ได้ช่วยผู้เล่นคนอื่นๆ รอบๆ ตัวเขาด้วย

ด้วยตำแหน่งพ้อยการ์ด เขาเป็นผู้เล่นที่มีฟุตเวิร์คดีเยี่ยม พร้อมด้วยร่างกายที่แข็งแกร่ง ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่เหมือนกับว่าไม่สามารถที่จะหยุดได้เลย

และในสองฤดูกาลที่ผ่านมา เขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการยิงสามแต้ม ซึ่งตลอด 6 ฤดูกาลที่ผ่านมาเขายิงสามแต้มเฉลี่ยอยู่ที่ 31.5 ถึง 34.4 เปอร์เซ็นต์ แต่ฤดูกาลที่แล้วเขาทำได้ถึง 36.2 เปอร์เซ็นต์ และมาในฤดูกาลนี้เขาก็พัฒนาขึ้นอีกด้วยสถิติ 40.7 เปอร์เซ็นต์

ไม่มีผู้เล่นคนไหนหยุดเขาได้ และเขาเป็นผู้เล่นเกมรุกที่หายาก (เขามีสถิติทำแต้มน้อยกว่า 20 แต้มเพียงเกมเดียวตลอด 36 เกมที่ผ่่านมาในฤดูกาลนี้) เขาสามารถเอาชนะเกมรับอันแข็งแกร่งได้ และทำให้ผู้คนต้องอ้าปากค้างอยู่เสมอ

หลายคนคาดว่า หลังจากที่เขาเลิกเล่น เขาต้องเป็นหนึ่งในตำนานเอ็นบีเออย่างแน่นอน

เขาจะใช้ทุกวินาทีต่อจากนี้ เพื่อจารึกชื่อเขาไว้ในประวัติศาสตร์ และทำลายทุกสถิติที่หลงเหลืออยู่ให้ได้อย่างสินซาก

LeBron James

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

ชิคาโก้ บูลส์ vs ไมอามี่ ฮีต พรีวิว

ทำรอไว้ก่อนดีกว่า เพราะอีกสองสามวันนี้อาจจะไม่สะดวกมาอัพบล็อก เดี๋ยวก็ต้องเจอกันแล้ว อย่าลืมนัดนี้ทรูถ่ายทอดสดด้วยนะครับ

ที่มา : http://bleacherreport.com/
เขียนโดย : Josh Benjamin
แปลโดย : Tiger Sky

ช่วงหลังๆ มานี้ฮีตโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก เมื่อสี่นัดล่าสุดทำสถิติได้เพียง 2-2 ซึ่งสองทีมที่พวกเขาแพ้ก็เป็นสองทีมที่ดูด้อยกว่า (ดีท้อย พิสตันและมิลวอกี บัค) ซึ่งปัญหาชัดเจนอยู่ที่เกมรับ และทั้งสองนัดที่เขาชนะก็ต้องเลยไปถึงช่วงต่อเวลา

ทำให้เกมนี้ต้องเป็นเกมที่ต้องมาเจอกันระหว่างเจ้าแก่งเกมรับกับทีมที่มีเกมรับห่วยบรม ซึ่งเป็นเกมที่น่าดูมาก อยากรู้เหมือนกันว่าเกมนี้จะเป็นอย่างไรถ้าชิคาโก้ บูลส์ท็อปฟอร์ม ซึ่งตอนนี้เดอริก โรส สตาร์ประจำทีมก็กลับมาได้แล้วด้วย (แต่จะได้ลงหรือเปล่าไม่รู้ ทริปรอบนี้โรสก็ติดทัวร์มาด้วย แต่เกมที่แล้วไม่ได้ลง ลิ้งข่าว) ซึ่งถ้าโรสกลับมาฟิตจริงๆ จะช่วยทำให้ทีมชิคาโก้ บยูลส์แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก

ถ้ามองไปถึงเกมที่ไมอามี่แพ้ส่วนใหญ่ก็มาจากทีมที่มีเกมรับดีมากๆ ในลีก นี่เลยถือว่าเข้าทางชิคาโก้ บูลส์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรสจะเป็นผู้เล่นที่เล่นเกมรุกดีมาก แต่การที่อาจจะไม่มีโรสในเกมนี้ เกมรุกของบูลส์ก็ใช่ว่าจะบุกใส่ไมอามี่ไม่ได้หรอกนะครับ

นี่ถือว่าเป็นเกมบิ๊กแมทในกลุ่มสายตะวันออกเลยทีเดียว ถือว่าเป็นคู่หยุดโลกอีกคู่หนึ่งที่มได้มาเจอกันในฤดูกาลปกติ ทั้งสองทีมกระหายชัยชนะในนัดนี้อย่างมาก และการเจอแบบตัวต่อตัว ตำแหน่งต่ำตำแหน่งของผู้เล่นในนัดนี้ถือว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าติดตาม

เวลา :                เช้าวันเสาร์ 8.00 น.
ถ่ายทอดสด :     TrueSport3
สถิติ :                 ชิคาโก้ บูลส์ (17-13), ไมอามี่ ฮีต (22-8)
ผู้เล่นบาดเจ็บ :   วลาดิเมีย ราดมาโนวิช, โจอาคิม โนอาร์, เดอริก โรส ทั้งหมดจากทีมชิคาโก้ บูลส์

สิ่งที่น่าติดตามในนัดนี้อยู่ที่ ไมอามี่จะเจาะเกมรับของบูลส์ได้หรือไม่

ไมอามี่ ฮีต เคยเป็นทีมที่มีเกมรับดีทีมหนึ่ง และก็เป็นทีมที่ถือว่าดีที่สุดในสายตะวันออกเวลานี้ แต่ที่น่าสังเกตุในฤดูกาลนี้คือ พวกเขาเป็นทีมที่รีบาวได้น้อยที่สุดในลีกเวลานี้ และเมื่อเขาเจอทีมที่มีเกมรับดีๆ พวกเขาก็มักจะพ่ายแพ้

นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาดันมีทั้งเลบรอน เจมส์, ดเวน เวดและคริส บอส อยู่ในทีมชุดแรก แถมกับการที่มีเรย์ อัลเลน จากม้านั่งข้างสนามอีกคน ทำให้เกมบุกของพวกเขาก็พร้อมที่จะทำลายล้างคู่แข่งได้ตลอดเวลา แต่มันก็ไม่มีความสมดุลกับเกมรับเอาเสียเลย และสิ่งนี้เองที่ทำให้คู่ต่อสู้ของเขาเอามาจัดการไมอามี่ได้อยู่เสมอ

และฤดูกาลนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฮีตจะหยุดบูลส์ได้หรือไม่ ดูในตอนนี้ขนาดไม่มีโรสอยู่ในทีม พวกเขายังรักษาอันดับอยู่ที่ 5 ของสายตะวันออก ซึ่งถ้าโรสกลับมา พวกเขาต้องบินได้สูงกว่านี้แน่นอน

ตัวต่อตัว : โจอาคิม โนอาร์ vs คริส บอส

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกมรับในฤดูกาลนี้ของฮีตดูไม่ดีเนื่องมาจาการที่อีริก สโปรตร้าจับคริส บอสไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ ซึ่งบอสสูงเพียง 6 ฟุต 11 หนัก 235 ปอนด์ ทำให้เขาทำแต้มได้เหมือนพาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ดมากกว่าจะเป็นกำแพงเหล็กป้องกันเกมรับ

บอสมีสถิติเฉลี่ย 18 แต้มกับ 7.7 รีบาวต่อเกมในฤดูกาลนี้ ซึ่งสิ่งที่เขาถนัดคือการจั้มชูตมากกว่าการเข้าไปทำแต้มใต้แป้นเหมือนกับเซ็นเตอร์ทั่วไป

ซึ่งกับโจอาคิม โนอาร์ ส่วนใหญ่เขาก็จะต้องทำแต้มในพื้นที่ใต้แป้นเสียมากกว่า นั่นจึงทำให้เขามีทำได้ 12.8 แต้ม, 10.3 รีบาว และ 2.1 บล็อกต่อเกมในฤดูกาลนี้ ซึ่งแตกต่างกับบอสโดยสิ้นเชิง เพราะเขานั้นเป็นคนที่จั้มชูตไม่แม่นเอาเสียเลย

ในเกมนี้ รูปแบบก็น่าจะเป็นโนอาร์ที่ทำหน้าที่แบบปกติที่เขาเคยทำ กันบอสออกจากพื้นที่ใต้แป้น และเขาก็คงจะไม่ตามบอสออกไปไกลจากพื้นที่ตรงนั้นมาก

ทำให้เกมนี้บอสอาจจะโดนตัดออกจากเกม และทำให้ฮีตต้องเสียพื้นที่ตรงที่โนอาร์ครอบครองอยู่ไป เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้เลบรอน เจมส์กับดเวน เวดต้องแสดงฝีมือในการทำแต้ม

เป็นรูปเกมที่เดาได้ไม่ยาก และเกมนี้บูลส์คงจะต้องครองพื้นที่ตรงนี้ได้จนจบเกมเลยแหละ

ตัวละครลับ : เนต โรบินสัน

ถ้าเกมนี้ไมอามี่ฮีตสามารถเจาะเกมรับของบูลส์ได้ นั่นจะทำให้พวกเขาจะกวาดคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ นั่นหมายความว่า ชิคาโก้ บูลส์ก็ต้องหาตัวทำแต้มเพื่อมาช่วยเหล่าผู้เล่นตัวจริงที่อาจจะหลุดฟอร์ม ชายที่เหมาะกับงานนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เนต โรบินสัน ผู้ที่ทำแต้มได้มากมายจากการเป็นตัวสำรอง ตลอด 30 เกมที่ผ่านมา เขาทำได้ 10.8 แต้มต่อเกม และมีอัตราการชูตที่ 37% และลงเล่นเฉลี่ยเพียง 21 นาที

เขาสูงเพียง 5 ฟุต 9 ถึงแม้ว่าจะตัวไม่สูง แต่หัวจิตหัวใจของเขาต้องถือว่าแข็งแกร่งอย่างกับผู้เล่นยักๆ ในเอ็นบีเอเลย เขาพร้อมที่จะหลอกฝั่งตรงข้ามให้หัวหมุดด้วยเทคนิกการไปกับบอลอันแพรวพราว เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทีมได้รับชัยชนะ

แม้ว่าโรบินสันจะมีแต้มเฉลี่ยเพียง 10.8 กับอัตราการชูตที่ 38% แต่จากห้าเกมหลังสุด เขาชูตสามแต้มที่อัตราสูงถึง 43.5% และแน่นอน สิ่งนี้แหละที่จะช่วยให้เขาพาบูลส์กลับมาต่อกรกับไมอามี่ได้สูสี

ไม่ได้บอกว่าโรบินสันจะเหมือนกับจาเมล ครอว์ฟอร์ด ชอบทำแต้มได้มากมายจากการเล่นเป็นตัวสำรอง เขานั้นต่างกัน เพราะว่าโรบินสันนั้นจะชอบมีช็อตมหัศจรรย์ และคาดการณ์ไม่ค่อยจะได้

ซึ่งเกมบุกส่วนใหญ่ในเกมนี้คงต้องพึ่งพาคาร์ลอส บูเซอร์และลูอัล แดง เป็นหลัก แต่คนที่จะนำพาให้บูลส์ชนะก็ต้องรอผีเข้าจากเนต โรบินสัน ซึ่งถ้าเขาออกมาแล้วทำพลาดตั้งแต่ตอนแรกๆ ความมั่นใจของเขาก็จะหดหาย และบ่อยครั้งก็ต้องลงไปนั่งเล่นข้างสนามยาวๆ เลย

ชาร์ตความลึกของตัวผู้เล่น

ชิคาโก้ บูลส์

ไมอามี่ ฮีต

บทสรุป

ไมอามี่ ฮีท มีโอกาสอย่างมากที่จะทำสถิติชนะสามเกมรวด แต่ต้องไม่ลืมอีกเช่นกันว่าพวกเขาก็เป็นทีมที่แพ้ทางกับพวกที่มีเกมรับดีๆ

ในนัดนี้รูปเกมจะน่าตื่นเต้นมากตั้งแต่ต้นเกมจนจบเกม ชิคาโก้ บูลส์มีโอกาสที่จะชนะได้ในเกมนี้นั้น โจอาคิม โนอาร์ต้องจัดการคริส บอสให้อยู่ และถ้าป้องกันดเวน เวดกับเลบรอน เจมได้ละก็ ประตูสู่ชัยชนะในนัดนี้ก็พร้อมเปิดรอพวกเขาอยู่

ลูอัล แดงกับคาร์ลอส บูเซอร์จะเป็นตัวหลักในการทำแต้ม แต่พวกเขาสองคนคงไม่สามารถทำให้ทีมชนะได้ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่เนต โรบินสันว่าผีตัวที่จะเข้าเขาในนัดนี้จะโหดขนาดไหน ทั้งการเลี้ยงเข้าทำและการหลอกชูตในควอร์เตอร์สุดท้ายของเขาจะเป็นตัวตัดสินเกมในนัดนี้ว่าบูลส์จะสามารถชนะฮีตในนัดนี้ได้หรือไม่

ซึ่งนัดนี้มองแล้วอาจจะเป็นชิคาโก้ บูลส์ที่จะเฉือนชนะไปได้ และฮีตก็ต้องกลับไปทำการบ้านเรื่องเกมรับของตัวเองให้มากขึ้นหลังจากจบเกมนี้

ตัดเกรดเกมระหว่าง ชิคาโก้ บูลส์ vs ออลันโด้ เมจิก

ที่มา : http://bleacherreport.com/
เขียนโดย : Maxwell Ogden
แปลโดย : Tiger Sky

ดาวโหลดเกมย้อนหลัง



ในเกมล่าสุด ต้องขอบคุณคาร์ลอส บูเซอร์ ที่นำทีมชิคาโก้ บูลส์เฉือนชนะออลันโด้ เมจิกไปได้ 96-94

บูเซอร์ทำแต้มสูงสุดในฤดูกาลนี้ที่ 31 แต้ม เขาเป็นหนึ่งในสามผู้เล่นบูลส์ที่ทำแต้มเกิน 20 แต้ม

ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง จาเมียร์ เนลสันทำไปถึง 31 แต้ม และนิโกล่า วูเซวิชทำไป 20 แต้ม 12 รีบาว

แต่สุดท้ายก็มาได้จุดโทษของลูอัล แดงในช่วงท้ายเกมมาช่วยชีวิต ทำให้ชิคาโก้ บูลส์ทำแต้มทิ้งห่าง 4 แต้มและก็คว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด

หลังจากนี้เรามาดูกันว่าใคร เป็นยังไงในเกมนี้

เคิร์ก ฮินริช, CHI, พ้อยการ์ด, เกรด C


ลงเล่น : 32 นาที
สถิติ : 7 แต้ม, 8 แอสซิส, 2 รีบาว, 3 สตีล, 1 บล็อก, 2/9 ฟิลโกล

นัดนี้ฮินริชได้เล่นแบบเต็มๆ เกมเลยในนัดนี้ และต้องดวลกับจาเมียร์ เนลสันอยู่ตลอดเวลา

เนลสันจบด้วย 32 แต้มจากลูกฟิลโกล 11/20 กับสถิติสามแต้มเป็น 6/9 ซึ่งนัดนี้ฮินริชปิดเนลสันได้ไม่ดีนัก ทำให้มีโอกาสชูตเหน่งๆ มากมาย

ในส่วนเกมบุก เขาทำแต้มไป 7 แต้มจากฟิลโกล 2/9 แต่อย่างไรก็ตาม ฮินริชก็ทำได้ถึง 8 แอสซิสกับ 2 รีบาว 3 บล็อกและ 3 สตีลบวกกับ 1 เทิร์นโอเวอร์ ทำให้เกมนี้ภาพรวมของเขามีสถิติจาก NBA ที่ -8

ฮินริชเล่นได้ดีในเรื่องการเลี้ยงบอลผ่านเนลสัน และสามารถบล็อกได้ตั้งแต่ต้นควอเตอร์แรก ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเขาในวันนี้เลย

ตอนท้ายเกมฮินริชยังทำเทิร์นโอเวอร์สำคัญ เกือบทำให้ทีมแพ้ไปเหมือนกัน นัดนี้จึงขอให้เพียงเกรด C น่าจะเหมาะสมที่สุด

ริชาร์ด แฮมิลตัน, ชูตติ้งการ์ด, เกรด B

ลงเล่น 30 นาที
สถิติ : 4 แต้ม, 9 แอสซิส, 2 รีบาว

ใครๆ ก็รู้ว่าเขาเด่นเรื่องการจั้มชู้ต แต่เกมนี้เขาดันทำช็อกด้วยการดันทำไปถึง 9 แอสซิส

เป็นครั้งแรกในรอบปีเลยทีเดียวที่เขาทำแอสซิสได้ขนาดนี้

ไม่มีแอสซิสไหนสำคัญไปกว่าตอนที่เขาหมุนหลอกส่งให้กับคาร์ลอส บูเซอร์ทำ 8 แต้มรวดในเวลา 3.54 นาที

ต่อมาเขาก็ทำ 2 ฟิลโกลได้ในเกมนี้

และในเกมนี้ ไฮไลท์ของเขาอยู่ในควอเตอร์ที่ 4 ที่ทำให้เขาไม่ได้เกรดที่ต่ำไปกว่านี้ และการทำถึง 9 แอสซิสช่วยทำให้เขาได้เกรด B ไปครอบครอง

สถิติการชูตของเขาจะช่วยให้ชิคาโก้ บูลส์มีฟอร์มที่คงเส้นคงวาขึ้น นี่แหละเป็นสิ่งที่บูลส์เซ็นริปเข้ามาสู่ทีม

ลูอัล แอง, สมอล ฟอร์เวิร์ด, เกรด A


ลงเล่น 39 นาที
สถิติ : 23 แต้ม 3 รีบาว 2 แอสซิส 1 สตีล


ลูอัล แดงนั้นมีการเล่นที่ไม่หวือหวา ทำแต้มอยู่เงียบๆ ในนัดนี้

แดงทำได้ถึง 23 แต้มอีกครั้งจากสถิติฟิลโกล 8/16 แต่ส่วนสำคัญของแดงไม่ใช่การชูตฟิลโกล แต่เป็นการที่เขาช่วยให้แทจ กิปสันเล่นได้ง่ายขึ้นในควอเตอร์ที่สี่ ซึ่งถือว่ากิปสันเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ออลันโด้ไม่สามารถทำอะไรบูลส์ได้มากในนัดนี้

แดงชูต 2 ลูกโทษสำคัญในตอนที่เหลืออีก 4.2 วินาที ทำให้บูลส์ขึ้นนำเป็นสี่แต้มในตอนนั้น

แดงเป็นหนึ่งในสามคนของบูลส์ที่ทำแต้มเป็นเลขสองหลัก ซึ่งไม่มีข้อสงสัยอะไรในตัวเขาเลยว่าเหมาะสมที่จะเป็นผู้เล่นที่อยู่ในทีมออลสตาร์หรือไม่

แทจ กิปสัน, พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด, เกรด A+


ลงเล่น 45 นาที
สถิติ : 21 แต้ม 11 รีบาว 3 แอสซิส 4 บล็อก

เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับเลือกให้ลงเล่นเป็นผู้เล่นชุดแรกในฤดูกาลนี้ ซึ่เขาก็ทำงานได้ดีมากๆ

กิปสันทำแต้มได้อย่างแน่นอน, ทำลายเกมรับฝั่งตรงข้ามได้อย่างราบคาบและยังเป็นภูผาหินป้องกันเกมบุกได้อย่างสุดยอด

กิปสันทำได้ถึง 21 แต้มกับ 11 รีบาว 3 บล็อก แถมลูกฟิลโกลยังมีสถิติ 8/12 ซึ่งถือว่าสุดยอดมาก

ไฮไลท์ของกิปสันอยู่ที่การเล่นในตอนที่เหลืออยู่ 11.3 วินาทีในควอเตอร์ที่สี่

ในขณะที่บูลส์กำลังนำอยู่ 94-92 จาเมียร์ เนลสันพยายามเลี้ยงเข้าวงใน แต่กิปสันก็พยายามป้องกันทำให้เขาชูตไม่สะดวกและสุดท้ายก็ชูตไม่ลง

ที่มันน่าทึ่งเพราะว่า ไม่มีใครคิดว่าเนลสันจะพลาดลูกนี้ เนื่องจากตลอดเกมเขาทำมาแล้วถึง 30 แต้ม

และลูกเกือบสุดท้ายของเกม กิปสันก็เข้าไปเล่นตามธรรมชาติ บูเซอร์เห็นกิปสันอยู่ในตำแหน่งที่ดีจึงจ่ายยัดเข้าไป แต่ลูกนี้กิปสันทำพลาด ลูกหลุดมือ

กิปสันนั้นเป็นคนที่เมื่อพอเสียบอลเขาจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะเอาคืนมาให้ได้ นัดนี้เขาเล่นได้ดีจริงๆ ทั้งการช่วยรีบาว ทั้งทำแต้ม ถ้าเปลียบการเล่นเหมือนดนตรี กิปสันก็สรรสร้างดนตรีบทนี้มาได้น่าฟังเหลือเกิน

ด้วยฟอร์มขนาดนี้ทำให้เขาได้เกรดสูงถึง A+

คาร์ลอส บูเซอร์, เซ็นเตอร์, เกรด A+

เวลาที่ลงเล่น 40 นาที
สถิติ : 31 แต้ม 11 รีบาว 2 แอสซิส 2 สตีล

ต้องบอกว่าไม่มีใครจะฮอตเกินไปกว่าเขาแล้วในนัดนี้

บูเซอร์ชูตลงไปถึง 8 ครั้งจาก 11 ครั้งแรกที่เขาเริ่มเกม และก็ทำไปทั้งหมด 17 แต้มในช่วงครึ่งเวลาแรก และมีการจ่ายบอลเข้าไปเล่นวงในร่วมกับแทก กิปสันได้อย่างเยี่ยมยอด

เกมนี้เขายังทำแต้มได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้ถึง 31 แต้ม 11 รีบาวกับ 2 สตีล

สำหรับทีมแล้ว การที่บูเซอร์ทำได้ถึง 31 แต้ม มันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บูลส์ชนะในเกมนี้

ในควอเตอร์สุดท้าย บูเซอร์ต้องโดนนิโคล่า วูเซวิชเล่นงานอย่างหนัก แถมมาเสีย 10 แต้มอย่างรวดเร็ว แต่บูเซอร์ก็ยังจัดการได้ดีพอสมควรหลักจากนั้น

ตลอดวันนี้ต้องถือว่าบูเซอร์เล่นได้ทดีที่สุด เป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ชิคาโก้บูลส์ได้รับชัยชนะ

นี่เป็นครั้งที่ 6 ที่บูเซอร์สามารถทำได้เกิน 30 แต้มในสีเสื้อของชิคาโก้ บูลส์

เนต โรบินสัน, ผู้เล่นคนที่ 6, เกรด D

ลงเล่น 16 นาที
สถิติ : 6 แต้ม 0 แอสซิส 2/7 ฟิลโกล 2/4 จากสามแต้ม

เนต โรบินสันมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับชิคาโก้ บูลส์ แต่สำหรับนัดนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

โรบินสันพลาดบ่อยมากในเกมนี้ในเรื่องการชูต ทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องคอยแก้ไขตลอดเวลา หลายครั้งเขาจะพาลูกไปเอง และก็บ่อยครั้งที่เขาจะพลาดซะมากกว่า

การชูตออกมาเป็น 2/7 แต่เจ้าสองลูกที่ได้นั้นก็มาจากการชูตสามแต้ม

ถ้าจะแก้ตัวว่าเป็นพ้อยการ์ด หน้าที่ส่วนใหญ่ต้องเป็นการจ่ายลูกให้เพื่อนทำแต้ม แต่นัดนี้เขาก็ทำไม่ได้

ถึงแม้ว่าเขาจะชูตสามแต้มลงไปสองลูก แต่มันก็ดันเป็นเพียงสองลูกจากการชูตทั้งหมดในนัดนี้ ดังนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยที่เขาได้เกรดเพียงเท่านี้

เพราะสามแต้มสองลูกนี้แหละที่ทำให้เขาไม่ต้องได้เกรด F ในนัดนี้

ผู้เล่นสำรอง, เกรด F

แต้ม +/- อยู่ที่ -2
สถิติ : 10 แต้ม 6 รีบาว 3 แอสซิส 1 สตีล 3/12 ฟิลโกล

ผู้เล่นสำรองของบูลส์ต้องต่อสู้อย่างหนักในช่วงต้นฤดูกาลโดยเฉพาะในช่วงนี้ เพราะถ้าทั้งเดอริก โรสและริป แฮมิลตันกลับมาสมบูรณ์เมื่อไหร่ โอกาสของพวกเขาคงจะน้อยลงไปด้วย

และพอเมื่อแฮมิลตันกลับมา ผู้เล่นสำรองก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี

ผู้เล่นชุดสองทำได้เพียง 10 แต้ม 6 รีบาว 3 แอสซิสและ 1 สตีล ซึ่งน้อยกว่าที่แทก กิปสันทำไปคนเดียวซะอีก

และเมื่อโจอาคิม โนอาร์หายเจ็บกลับมา กิปสันก็จะลงไปอยู่ในทีมสำรองของบูลส์ และนี่ก็น่าจะทำให้พวกเขามีกองทัพที่แข็งแกร่งมากขึ้น

แต่สำหรับเกมนี้ ได้เกรด F ก็ถือว่าเหมาะสมดีแล้ว

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

game review ชิคาโก้ บูลส์ vs ออลันโด้ เมจิก

ที่มา : http://bleacherreport.com/
เขียนโดย : Josh Benjamin
แปลโดย : Tiger Sky



ชิคาโก้ บูลส์ โชว์ฟอร์มฉลองปีใหม่ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากที่ต้องแพ้ให้กับชาล็อต บ็อบแคท ซึ่งทำให้ชาล็อตหยุดสถิติแพ้รวด 18 เกมได้ในเกมนี้

ออลันโด้ก็อยากที่จะเก็บชัยชนะในนัดนี้ให้ได้หลังจากที่พวกเขาแพ้รวดมา 6 เกมแล้ว หลังจากที่พวกเขาต้องแพ้ไปในช่วงต่อเวลามาในเกมล่าสุดที่เจอกับไมอามี่ ทำให้แจ็ค วอจ์น คิอว่าอยากจะมาเก็บชัยชนะให้ได้ในนัดนี้ที่จะต้องเจอกับบูลส์

คู่นี้เคยเจอกันมาแล้วในฤดูกาลนี้ในต้นเดือนพฤศจิกายน และชัยชนะก็ตกเป็นของทีมชิคาโก้ บูลส์

ชิคาโก้ อาจจะทำได้อีกครั้ง เนื่องจากสถิติของออลันโด้นั้นไม่ค่อยดี โดยที่มีสตถิติอยู่ที่ 7-10 เนื่องมาจากที่พวกเขาต้องเสียตัวรับประสบการณ์สูงอยู่ดไวจ์ ฮาเวิร์ด ไปในช่วงฤดูร้อน

เกมนี้จะต้องสู้กันด้วยเกมรับ ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับชิคาโก้ บูลส์

ผู้เล่นบาดเจ็บ
     ชิคาโก้ บูลส์ : เดอริก โรส, เคิร์ก ฮินริช, โจอาคิม โนอาร์
     ออลันโด้ เมจิก : อีทวน มัวร์, กุสตาโว่ อายอน, จาเมียร์ เนลสัน, เกล็น เดวิส

มาดูกันว่า เมจิกจะหยุดสถิติบ้าๆ ได้ในเกมนี้หรือเปล่า


เมจิกต้องแพ้ติดต่อกันมา 6 เกม และในเกมล่าสุดก็ต้องมาอารมณ์เสียสุดๆ เมื่อเกือบที่จะชนะแชมป์รายล่าสุดอย่างไมอามี่อยู่แล้ว และในเกมที่ทั้งคู่มาเจอกัน พวกเขาก็แพ้ไปเพียง 6 คะแนนเท่านั้น โดยที่เมจิกทำได้ดีกว่ามาตลอด 3 ควอเตอร์ แต่บูลส์ก็มาเร่งสปีดแซงรวดเดียวชนะไปเลยในควอเตอร์สุดท้าย

เกมนั้นเมจิกต้องขอบคุณ 28 คะแนนของการ์ดอย่างอาร์รอน อัฟโฟลโล่ บวกกับการทำดับเบิ้ล-ดับเบิ้ลของทั้ง เกล็น เดวิสและนิโคล่า วูเซวิช ส่วนบูลส์นั้น ผู้เล่นแต่ละคนก็จะแชร์การทำแต้มกัน ยกเว้นลูอัล แดงที่ทำไป 23 แต้ม ทำให้บูลส์ชนะไปในเกมนั้น

เมจิกถือว่าเปิดฤดูกาลได้ดีทีเดียว ก่อนที่จะมาแพ้รวด 6 เกม ตอนนี้เขาก็ต้องหันกลับไปมองสภาพทีมในตอนนี้ที่มีแต่ผู้เล่นหนุ่มๆ, ยังอ่อนประสบการณ์ และถือว่าอยู่ในช่วงการสร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ผู้เล่นทุกคนของเมจิกกำลังโฟกันไปที่เกมนี้ พวกเขาตั้งใจอย่างมากและก็หวังว่าจะเก็บชัยชนะได้ด้วย

ส่วนทางด้านบูลส์ ยังต้องการที่กลับมาชนะอีกครั้งหลังจากที่ฟอร์มลุ่มๆ ดอนๆ จากการที่ชนะมาในเกมก่อนหน้าและต้องมาแพ้บ็อปแคทในเกมล่าสุด ก่อนที่จะต้องไปเจอไมอามี่ในเกมถัดไป

ตัวต่อตัว : นิโคล่า วูเซวิช vs โจอาคิม โนอาร์



สิ่งหนึ่งที่เมจิกทำได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้คือเกมรับ ต้องขอบคุณการเล่นอันยอดเยี่ยมของเดวิสและวูเซวิช เมจิกมีอันดับ 10 ในการรีบาวและการเสียแต้ม


จากการที่ซิกเซอร์ได้เทรดตัวจอมบล็อกอย่างดไวน์ ฮาเวิร์ดไป ทำให้ฤดูกาลนี้วูเซวิชต้องขึ้นมามีบทบาทในเกมรับแทน ซึ่งเขาก็มีแต้มเฉลี่ย 10.8 และรีบาวเฉลี่ย 10.5 ต่อเกม และก็มาระเบิดฟอร์มในเกมที่เจอกับไมอามี่ โดยที่ทำไปถึง 29 รีบาวกับ 20 แต้ม

ซึ่งในเกมนี้เขาจะต้องมาพบกับเซ็นเตอร์ของบูลส์อย่างโจอาคิม โนอาร์ิซึ่งทั้งสองคนมีรูปร่างพอๆ กัน โดยที่โนอาร์สูง 6 ฟุต 11 นิ้ว หนัก 232 ปอนด์ ส่วนวูเซวิชสูง 7 ฟุต หนัก 240 ปอนด์ แต่ประสบการณ์ของโนอาร์ก็มากกว่าอยู่นิดนึง

โนอาร์ทำงานของเขาในฤดูกาลนี้ได้ดีมาก จากการที่ทีมต้องขาดพ้อยการ์ดอย่างเดอริก โรส โดยเขาทำแต้มเฉลี่ย 12.8 กับ 10.3 รีบาวต่อเกม และมีสถิติการบล็อกอยู่ที่ 2.1 ต่อเกม ซึ่งนัดนี้ก็ต้องมาเช็คอาการบาดเจ็บของเขาอีกทีว่าพร้อมที่จะมาดวลกับวูเซวิชหรือไม่

ซึ่งถ้าเขาพร้อมเราก็ไม่สามารถจะบอกได้เหมือนกันว่าวูเซวิชไม่มีโอกาสชนะในการดวลครั้งนี้ เพราะเขาก็เป็นผู้เล่นเกมรับที่ดีมาก ซึ่งถ้าเขาสมบูรณ์ เขาก็แข็งแกร่งดั่งภูผา ยากที่คู่ต่อสู้จะจัดการเขาได้ง่ายๆ นี่คือผู้เล่นคนเดียวที่เคยทำแต้มเฉลี่ย 17.1 แต้มกับ 10.3 รีบาวต่อเกมในการเล่นระดับ USC และตอนนี้เขาก็กำลังพิสูจน์ฝีมือใน NBA อยู่

ถ้าเขาสามารถจัดการกับโนอาร์ได้ มันก็มีโอกาสเหมือนกันที่เมจิกจะหยุดสถิติบ้าบอ แพ้ 6 เกมรวดได้ในนัดนี้

ปัจจัยเสริม : อารอน อัฟฟลาโล


อัฟฟลาโล่นั้นถือว่าเป็นผู้เล่นแนวรุกตัวหลักของเมจิกเลยในฤดูกาลนี้ เขาเป็นคนที่โชว์ฟอร์มได้ดีมากในนัดที่เจอกับบูลส์ล่าสุด โดยในฤดูกาลนี้เขามีแต้มเฉลี่ย 17 แต้ม และอัตราการชูตอยู่ที่ 45% และเขายังเป็นมือยิงสามแต้มที่สุดยอดอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีอัตราการชูตอยู่ที่ 40%

อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้เขามีอัตราการชูตอยู่ที่เพียง 34% ซึ่งมีแต้มเฉลี่ย 20.4 แต้ม ในห้าเกมล่าสุด แลเขายิงได้เพียง 25% จากระยะไกล และนัดที่เจอบูลส์ล่าสุดเขาชูตไป 7 ลง 3 จากระยะสามแต้ม


อัฟฟลาโลจำเป็นต้องระเบิดฟอร์มให้ได้ในนัดนี้ กับการที่ต้องเจอกับทีมที่มีเกมรับเป็นอันดับสามในลีก และต้องเป็นผู้นำในการทำแต้มให้กับเมจิก ซึ่งทอม ทิบอโด ก็พยายามหาทางจับตายมือปืนรายนี้อยู่

อัฟฟลาโซ่ก็ทำแต้มได้ทั้งจากระยะสามแต้ม, ไดรฟ์เข้าทำ และยังสามารถทำแต้มได้มากจากการชูตระยะกลาง เขาสามารถสร้างโอกาสเข้าทำเองได้ เขามีการเลี้ยงบอลที่ดีและยังชูตสามแต้มได้อีก

ที่สำคัญกว่านั้น อัฟฟลาโซ่ต้องเล่นให้ดีมากในเกมนี้ โดยการบุกเข้าไปทางผู้เล่นที่มีเกมรับที่ไม่ค่อยดีนักอย่างริป แฮมิลตัน นี่แหละจะเป็นทางที่ทำให้เขาสามารถนำทีมกลับมาชนะได้ในเกมนี้

ชาร์ตความลึกของทีมชิคาโก้ บูลส์


ออลันโด้ เมจิก



บทสรุป

ถึงแม้ว่าบูลส์จะหยุดสถิติแพ้รวดของบ็อบแคทไว้ได้(น่าภูมิใจจัง 555) แต่เกมนี้เขาน่าที่จะทำให้เมจิกแพ้เป็นเกมที่ 7 ติดต่อกันได้ รูปเกมน่าจะเป็นว่า เมจิกจะโดนฝ่ายบูลส์กดดันไม่ให้เล่นตามเกมของตัวเอง โดยการปิดผนึกผู้เล่นคนสำคัญอย่างเกล็น เดวิส ไว้ไม่ให้ทำอะไรได้มาก

อัฟฟลาโลจะเป็นผู้เล่นเด่นของนัดนี้ แต่ก็จะไม่สามารถทำอะไรบูลส์ได้ โนอาร์จะถูกตัดออกจากเกมโดยวูเซวิช และลูอัล แดงจะสามารถทะลวงแนวรับของโม ฮาร์เลสและเฮ็นโด้ เทอโกกลูไปได้

ถ้าโชคดี เกมนี้เมจิกจะสามารถได้แต้มมากมายจาก เจเจ รีดิก ที่เป็นผู้เล่นสำรองจากการชูตสามแต้มเป็นกอบเป็นกำ ในควอเตอร์ที่สี่ ซึ่งอาจจะทำให้แฟนๆ ของทีมชิคาโก้ บูลส์ต้องนั่งไม่ติด

แต่สุดท้าย ต้องขอแสดงความเสียใจกับเมจิกด้วย เพราะด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าของบูลส์ จะทำให้พวกเขาสามารถคว้าชัยชนะในเกมนี้ไปได้

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

โรสจะเริ่มกลับมาเดินทางไปกับบูลส์กับ 2 ทริปข้างหน้า

ที่มา : http://network.yardbarker.com

สวัสดีปีใหม่ด้วยข่าวดี เมื่อเดอริก โรสพร้อมแล้วที่จะเดินทางร่วมไปกับทีมชิคาโก้ บูลส์ในทริป 2 เกมที่ต้องไปยังถิ่นออลันโด้และไมอามี่ แต่โค้ชทอมก็จะต้องมาดูอีกทีว่าเขาจะสามารถกลับมาลงเล่นได้เลยหรือเปล่า ซึ่งโค้ชทอมบอกว่า ทั้งสองเกมอาจจะยังไม่มีโรสนั่งเป็นผู้เล่นสำรองอยู่ข้างสนาม

"ตลอดทริปนี้ เขาจะเริ่มทำอะไรได้มากขึ้น เขาจะร่วมเดินทางไปกับเราและทำงานเท่าที่ทำได้" โค้ชทอมให้สัมภาษณ์ "ก่อนที่เขาจะได้ลงเล่น ผมอยากให้เขาได้รับการกายภาพบำบัดเสียก่อน เขาต้องโฟกัสไปที่เรื่องนั้นก่อน ซึ่งมันใกล้แล้วที่เขาจะสามารถมานั่งข้างสนามได้"

"เขาเริ่มฝึกซ้อมได้มากขึ้น แต่ผมก็ยังไม่สามารถบอกเรื่องสัญญาของเขาได้ มันต้องมีเรื่องอื่นๆ ที่เขาต้องทำก่อน นี่แหละเป็นแผนก่อนที่เขาจะกลับมา" via K.C. Johnson, Chicago