เขียนโดย : Zach Buckley
แปลโดย : Tiger Sky
เลบรอน เจมส์ ได้ลงเล่นในเกมวันพุธที่ผ่านมาที่ต้องพบกับโกลเดนสเตต วอริเออร์ และต้องการอีกเพียง 18 แต้มเพื่อที่จะทำสถิติ 20,000 แต้มในเอ็นบีเอ
เปิดเกมมาเขาก็ทำไปแล้วถึง 13 แต้มแค่เพียง 12 นาทีในควอเตอร์แรก หนึ่งในนั้นเป็นลูกดั้งที่สุดสวยจากการแอสซิสระยะไกลจากดเวน เวด
แต่ช่วงเวลาสำคัญอยู่ในตอนที่เหลืออีก 2.46 นาทีในควอเตอร์ที่สอง ที่เขากระโดดจั้มชูตบริเวณจุดโทษ
ด้วยอายุ 28 ปีกับอีก 17 วัน เขาทำลายสถิติของโคบี้ ไบรอันลงอย่างราบคาบ (29 ปี 122 วัน) และข้างล่างก็เป็นคะแนนของเขาที่ทำได้โดยเปรียบเทียบตามอายุกับ 5 อันดับของผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุด
ซึ่งดูจากกราฟ เจมก็พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้ท้าทายตำแหน่งผู้เล่นที่ดีที่สุด ตลอดกาลของเอ็นบีเอ
จากสิบสองเดือนที่ผ่านมา ทำให้เจมส์ได้รับเลือกเป็นผู้เล่นเอ็มวีพี แถมกับตำแหน่งแชมเปี้ยน พร้อมกับผู้เล่นเอ็มวีพีในนัดชิงชนะเลิศ แถมการเป็นผู้เล่นอเมริกาคนแรกที่ทำทริปเปิ้ล ดับเบิ้ลในโอลิมปิก พร้อมทั้งคว้าเหรียญทองเหรียญที่สองในโอลิมปิกให้กับตัวเอง
ด้วยฟอร์มกระฉูดขนาดนี้ ทำให้เป็นที่สงสัยว่า แล้วสถิติมันจะไปหยุดอยู่ที่เท่าไหร่
อีธาน เชอร์วูดและวิลล์ วิฟวิงเบิร์ก ผู้สื่อข่าวของบลีเชอร์ รีพอร์ตได้ถกเพียงกันในประเด็นนี้ว่า เขาจะสามารถโค่นสถิติอันแสนยาวนาน กับการทำ 38,387 แต้มของคารีม อับดุล จาบา ได้หรือไม่
มันมีความเป็นไปได้ ในตอนแรก เขาทำให้แมวมองของแต่ละทีมต้องน้ำลายไหล เมื่อตอนที่เขากำลังจะจบการศึกษาไฮสคูลที่โอไฮโอ้เมื่อทศวรรษที่ผ่านมา เขาถูกขนานนามว่า "คิงเจมส์" ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในลีกอันแข็งแหร่งอย่างเอ็นบีเอ และเขาก็แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาถึงถูกขนานนามว่าอย่างนั้น
ด้วยวัยเพียง 18 ปี เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกดร้าฟในรอบแรก
และแค่เพียงเกมแรกในเอ็นบีเอ เขาก็จัดการทำไปถึง 25 แต้ม 9 แอสซิส 6 รีบาวและ 4 สตีล
และในเกมที่ 49 นั้นเอง เจมส์ก็จัดการกระซวกนิวเจอซีย์ เน็ตไป 41 แต้มกับ 13 แอสซิส และมันทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแต้มเกิน 40 แต้มในเกมเดียว
ทำให้คาวาเลียในปีนั้นทำผลงานได้มหัศจรรย์มาก ด้วยสองมือของเขา
ด้วยผลงานอันสุดยอด (เฉลี่ย 20.9 แต้ม 5.9 แอสซิสและ 5.5 รีบาว) ทำให้เจมกลายเป็นผู้เล่นรูกกี้ยอดเยี่ยมของเอ็นบีเอในปี 2003-04 ด้วยวัยเพียง 19 ปี นั่นทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดอีกเช่นกันที่ได้รับตำแหน่งนี้
เขาทำสถิติทาบกับออสก้า โรเบิร์ตสันและไมเคิล จอแดน ที่เป็นรูกกี้เพียงไม่กี่คนที่สามารถทำแต้มเฉลี่ยเกิน 20 แต้ม 5 แอสซิสและ 5 รีบาว
ด้วยศักยภาพขนาดนี้ ทำให้เจมทำลายสถิติมากมายในฐานะรูกกี้ที่ยังไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน
และการทำ 27 แต้ม 11 รีบาวกับ 10 แอสซิสในเกมที่พบกับปอร์ตแลนด์ เทรลเบเซอร์ ในวันที่ 19 มกราคม ปี 2005 ทำให้เขาสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถทำทริปเปิ้ล-ดับเบิ้ลได้ และเมื่อจบฤดูกาล 2004-05 เขาก็ได้เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปสู่ทีม All-NBA honor(ทีมที่สอง)
ยังไม่หมด ในปีต่อมา 2005-06 เขายังไล่ล่าสถิติต่อไปอีกเรื่อยๆ
ระหว่างช่วงฤดูกาลปกติ เจมส์ก็ได้เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกเข้าไปสู่ทีมเพื่อเข้าร่วมลงแข่งในออลสตาร์เกม และอายุน้อยที่สุดที่ทำแต้มเฉลี่ยเกิน 30 แต้ม (31.4 แต้ม) และเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เล่น All-NBA first team
และเมื่อจบฤดูกาลปกติ เขาก็ยังกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถทำทริปเปิ้ล ดับเบิ้ลได้ในรอบเพลย์ออฟที่พบกับ วอชิงตัว วิซาร์ด ด้วยสถิติ 32 แต้ม 11 รีบาว 11 แอสซิสเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2006
และเจมส์ก็ยังไล่เก็บสถิติผู้เล่นที่ทำแต้มได้เร็วที่สุดเรื่อยมาตั้งแต่ 1,000 แต้มจนถึงตอนนี้ 20,000 แต้มเข้าให้แล้ว
และ 10,000 แต้มที่เร็วที่สุดของเขาก็เกิดขึ้นในเกมที่พบกับบอสตัน เซลติกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ โดยวันนั้นเขาทำไป 26 แต้ม
สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมาจากการที่เขาเล่นภายใต้ความกดดันได้อย่างดี ตายยาก ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ทำให้เขากลายเป็น "SCORER" (ขอไม่แปล มันตรงตัว)
แต่เอ็นบีเอก็มักจะมีคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อเพื่อมาหยุดยั้งความร้อนแรง หลังจากที่ยุค '80 ก็มีคู่ของแลรี่ เบิร์ดกับเมจิก จอห์นสัน และในยุคนี้คนที่จะมาต่อกรกับเจมก็เป็นใครไม่ได้ เขาคนนั้นคือ เควิน ดูแร้น
และในยกแรก ทีมของเจมก็จัดการสอนเชิงมวยให้กับ OKC ของดูแร้นในรอบชิงแชมป์เอ็นบีเอ ด้วยชัยชนะเพียง 5 เกมเท่านั้น
ในขณะที่ดูแร้นก็ต้องควานหาตำแหน่งแชมป์เอ็นบีเอต่อไป ซึ่งเวดก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า แชมป์ครั้งนี้ต้องขอบคุณการทำแต้มของคิงเจมส์อย่างมาก เหมือนกับเมื่อเกมในคืนวันพุธที่ผ่านมา
ซึ่งแต้มที่ 11,000 ของเขาก็มาก่อนที่เขาจะอายุ 25 เสียอีก ซึ่งดูแร้นก็มีโอกาสทำสถิติอย่างนั้นได้ แต่คงจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขานักในเวลานี้ การทำแต้มนั้นเป็นคุณสมบัติของคิง แต่เขานั้นก็ได้ช่วยผู้เล่นคนอื่นๆ รอบๆ ตัวเขาด้วย
ด้วยตำแหน่งพ้อยการ์ด เขาเป็นผู้เล่นที่มีฟุตเวิร์คดีเยี่ยม พร้อมด้วยร่างกายที่แข็งแกร่ง ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่เหมือนกับว่าไม่สามารถที่จะหยุดได้เลย
และในสองฤดูกาลที่ผ่านมา เขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการยิงสามแต้ม ซึ่งตลอด 6 ฤดูกาลที่ผ่านมาเขายิงสามแต้มเฉลี่ยอยู่ที่ 31.5 ถึง 34.4 เปอร์เซ็นต์ แต่ฤดูกาลที่แล้วเขาทำได้ถึง 36.2 เปอร์เซ็นต์ และมาในฤดูกาลนี้เขาก็พัฒนาขึ้นอีกด้วยสถิติ 40.7 เปอร์เซ็นต์
ไม่มีผู้เล่นคนไหนหยุดเขาได้ และเขาเป็นผู้เล่นเกมรุกที่หายาก (เขามีสถิติทำแต้มน้อยกว่า 20 แต้มเพียงเกมเดียวตลอด 36 เกมที่ผ่่านมาในฤดูกาลนี้) เขาสามารถเอาชนะเกมรับอันแข็งแกร่งได้ และทำให้ผู้คนต้องอ้าปากค้างอยู่เสมอ
หลายคนคาดว่า หลังจากที่เขาเลิกเล่น เขาต้องเป็นหนึ่งในตำนานเอ็นบีเออย่างแน่นอน
เขาจะใช้ทุกวินาทีต่อจากนี้ เพื่อจารึกชื่อเขาไว้ในประวัติศาสตร์ และทำลายทุกสถิติที่หลงเหลืออยู่ให้ได้อย่างสินซาก
LeBron James
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น